แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิเคราะห์ผลบอล แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิเคราะห์ผลบอล แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข่าวสารพรีเมียร์ลีกพวกหงส์แดง ลิเวอร์พูลส่วนหลังปิดฉากศึกพรีเมียร์ลีกที่ทะลุมา

กรุ๊ปพาเลซพลิกแซงหักปีกหงส์แดง3-1




ซึ่งหลังจากที่วิเคราะห์ผลบอลเหล่าหงส์แดง ยังโชว์ฟอร์มแย่ๆ ต่อเนื่อง ภายหลังที่อุตส่าห์ได้ แลมเบิร์ต ที่ยิงให้ทีมนำก่อนในสองนาทีแรก แต่สุดท้าย พวกพาเลซ นั้นรัวทีเดียวสามลูกรวดพลิกกลับมาคว้าชัยไป 3-1 ทำให้อันดับไปรั้งที่ 12 ของลีกเรียบร้อย

เพราะที่การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014-2015 ที่สนาม เซเฮิร์ส พาร์ค  คณะคริสตัล พาเลซ ต้อนรับการมาเยือนของ กลุ่มหงส์แดง ลิเวอร์พูล

ซึ่งในนาทีที่ 2 แฟนๆ เจ้าถิ่นต้องถึงกับช็อก ภายหลัง เหล่าคริสตัล พาเลซ นั้นต้องมาเสียประตูไปก่อน จากจังหวะที่ อดัม ลัลลาน่า เปิดข้ามแนวรับให้ ริคกี้ แลมเบิร์ต หนีการประกบ ก่อนจักพักบอลแล้วซัดเรียดทะลุทะลวงมือ จูเลี่ยน สเปโรนี่ เข้าไป เหล่าลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0

ต่อเนื่องมาถึงนาทีที่ 17 ครั้นทีมพาเลซ ก็ได้เฮบ้างเมื่อมาตามตีเสมอสำเร็จเป็น 1-1 ขณะ ยานนิค โบลาสซี่ ลากหนีแนวรับ ฝ่ายหงส์แดง ก่อนจะปลงใจซัดเต็มข้อด้วยขวาระยะ 25 หลา บอลเรียดหนีมือ ซิมง มินโญเลต์ พุ่งชนเสากระดอนออกมา แต่ลูกยังเข้าทาง ดไวท์ เกล วิ่งมาซ้ำจ่อเข้าไปได้สำเร็จ

ในนาทีที่ 34 ฝ่ายหงส์แดง นั้นเกือบได้ประตูออกนำอีกครั้ง คราวนี้ โจ อัลเลน ครอสจากฝั่งซ้ายไปให้ ริคกี้ แลมเบิร์ต ที่อยู่เสาไกลได้โอกาสขึ้นโขกคนเดียวจ่อๆ แต่โชคไม่ดีบอลดันหลุดกรอบออกไปนิดเดียว

นาทีที่ 36 คณะพาเลซ นั้นต้องถอดเอา ดาเมี่ยน เดลานี่ย์ ที่ได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง เบรเด้ ฮันเกลันด์ ลงมาดูแลเกมรับของกรุ๊ปแทน

กับในช่วงท้ายครึ่งแรกไม่มีประเติมเพิ่ม หมดเวลาทั้งสองพวกเสมอกันไปก่อน 1-1

ซึ่งนาทีที่ 48 ทางด้านกลุ่มลิเวอร์พูล นั้นก็มาได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะ 30 หลา สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่ซัดแต่บอลพุ่งหลุดกรอบออกไปเสียก่อน

ในนาทีที่ 53 ตัวของมาร์ติน สเคอร์เทล มาโดนใบเหโจษงเป็นคนแรกของเกม โทษฐานเจ้าตัวเข้าไปดึงแขนของ มารูยาน ชามัคห์ เพื่อเป็นการขัดขวาง

นาทีที่ 61 ฆาบี มานกิโย่ ต้องมารับใบเหเลื่องง หลังเจตนาไปดึง ชามัคห์ ที่หน้าเขตโทษ

กับในนาทีที่ 71 ทีมหงส์แดง นั้นได้ตัดสินใจถอด อดัม ลัลลาน่า ออก แล้วส่ง ฟาบิโอ บอรินี่ ลงสนามเพื่อลุ้นทำประตูให้เหล่าเพิ่ม

ต่อมาในนาทีที่ 74 พวกลิเวอร์พูล นั้นต้องถอด โจ อัลเลน ที่มีปัญหาเลือเลื่องกออกบนศีรษะที่แตกมาจากครึ่งแรก เพราะว่าเปลี่ยนเอา เอ็มเร่ ชาน ลงสนามมาช่วยเกมแดนกลางแทน ขณะที่ คณะพาเลซ ก็ส่งให้ เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ลงสนามเป็นคนที่สอง เพราะว่าเปลี่ยนเอา เจสัน พันเชี่ยน ออกไป

และครั้นเมื่อถึงนาทีที่ 78 แฟนบอลฝ่ายคริสตัล พาเลซ ก็ได้เฮกันทั้งสนามครั้นเหล่ามาทำประตูที่สองสำเร็จ จากจังหวะที่บอลกำลังลอยกลางอากาศ เดยัน ลอฟเรน ที่ตามประกบ ยานนิค โบลาสซี่ จากริมเส้นไปล้มแล้วบอลตกเข้าหัวพอดีให้ดาวเตะ หมู่พาเลซ เลี้ยงหนีไปได่ ก่อนเจ้าตัวจักตบเข้ากลางให้ โจ เลดลี่ย์ วิ่งมาซัดตรงกลางลอดตัว ซิมง มินโญเลต์ เข้าไป เจ้าถิ่นพลิกขึ้นนำ 2-1

ต่อมาในนาทีที่ 81 สถานการณ์ยังเป็นใจให้เจ้าถิ่นต่อเนื่อง คราวนี้เหล่ามาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ ไมล์ เยดินัค วิ่งมาปั่นด้วยขวา บอลเลี้ยวข้ามกำแพง ก่อนจักอ้อมหนีมือ มินโญเลต์ เข้าไปอย่างสวยงาม หมู่คริสตัล พาเลซ ได้นำเพิ่มอีกเป็น 3-1

นาทีที่ 86 กลุ่มพาเลซ ปลงใจถอด ยานนิค โบลาสซี่ ที่เกมนีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมออกไปพักท่ามกลางเสียงปรบมือจากแฟนๆ ในสนาม ก่อนจักให้ แบร์รี่ แบนแนน ลงมาเล่นแทน

เข้าสู่ช่วงท้ายเกมทั้งสองกรุ๊ปเกือบมีลุ้นได้ประตูกันหลายครั้งแต่ก็พลาดไป สุดท้ายหมดเวลา ฝ่ายคริสตัล พาเลซ ได้เปิดบ้านเอาชนะ กลุ่มลิเวอร์พูล ไปได้สำเร็จผลบอล 3-1

นั่นทำให้ พวกพาเลซ ได้เก็บเพิ่มเป็น 12 คะแนน ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 15 ของตาราง ส่วน ทีมหงส์แดง จากความพ่ายพ่ายนัดนี้ทำให้ฝ่ายตกมาอยู่อันดับ 12 เพราะว่ามีอยู่แค่ 14 คะแนน เท่านั้น

มาดูบัญชีรายชื่อผู้เล่น คริสตัล พาเลซ 4-4-1-1 :

  1. จูเลี่ยน สเปโรนี่ 
  2. มาร์ติน เคลลี่
  3. สก็ตต์ แดนน์
  4. ดาเมี่ยน เดลานี่ย์ เปลี่ยนตัว เบรเด้ ฮันเกลันด์ ลงมาในนาทีที่ 36
  5. โจเอล วอร์ด 
  6. เจสัน พันเชี่ยน เปลี่ยนตัว เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ลงมาในนาทีที่ 76
  7. ไมล์ เยดินัค
  8. โจ เลดลี่ย์
  9. ยานนิค โบลาสซี่ เปลี่ยนตัว แบร์รี่ แบนแนน ลงมาในนาทีที่ 86
  10. มารูยาน ชามัคห์ 
  11. ดไวท์ เกล


ผู้เล่นสำรอง

  1. เวย์น เฮเนสซี่ 
  2. วิลฟรีด ซาฮา 
  3. เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ 
  4. แอนดรูวส์ จอห์นสัน


มาดูรายนามผู้เล่น เหล่าลิเวอร์พูล 4-2-3-1 :

  1. ซิมง มินโญเลต์ 
  2. ฆาบี มานกิโย่
  3. มาร์ติน สเคอร์เทล
  4. เดยัน ลอฟเรน
  5. เกล็น จอห์นสัน 
  6. โจ อัลเลน เปลี่ยน เอ็มเร่ ชาน ลงมาในนาทีที่ 74
  7. สตีเว่น เจอร์ราร์ด 
  8. ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
  9. ฟิลิปป์ คูตินโญ่
  10. อดัม ลัลลาน่า เปลี่ยน ฟาบิโอ บอรินี่ ลงมาในนาทีที่ 71 
  11. ริคกี้ แลมเบิร์ต


ผู้เล่นสำรอง

  1. แบร๊ด โจนส์ 
  2. โคโล่ ตูเร่ 
  3. อัลแบร์โต้ โมเรโน่ 
  4. ลูคัส เลว่า 
  5. ลาซาร์ มาร์โควิช


กรรมการผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์

ติดตามชมดูคลิป ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก


เดอะคล็อปป์ได้โผล่ชื่อนั่งแท่นกุนซือหงส์แทนบีร็อด




ซึ่งบีร็อด นั้นคงจักได้เก้าอี้ร้อน ภายหลังที่เจอร์เก้น คล็อปป์ ปรากฏชื่อเตรียมนั่งแท่นบัลลังก์กุนซือใหม่ เหล่าหงส์แดง หลังผลงานโคตรแย่ เก็บชัยได้แค่ 2 นัดจาก 12 เกม

พร้อมทั้งก็ดูเหมือนขาเก้าอี้กุนซือของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการคณะ ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะตั้งต้นสั่นคลอนเสียแล้ว ทันทีที่ล่าสุดมีรายงานว่า กลุ่มหงส์แดง ได้วางตัว เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ของ พวกโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ฝ่ายดังแห่งเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน เข้ามาเสียบตำแหน่งแทน ภายหลังที่ บีร็อด นั้นเพิ่งพาทีมบุกไปจำนน กรุ๊ปคริสตัล พาเลซ ที่ ถิ่นเซลเฮิร์ทส์ พาร์ค 1-3 เท่าที่วันอาทิตย์ที่ทะลวงมา วันที่ 23 พฤศจิกายนที่ลอดมา

ซึ่งโปรแกรมบอลพวกหงส์แดง นั้นได้ออกสตาร์ทฤดูกาล 2014 - 2015 ได้อย่างย่ำแย่ เก็บชัยชนะได้ปาง 2 นัดเท่านั้นจากเกมลีก 12 นัดหลังสุด แถม 3 นัดล่าสุดพ่ายแพ้รวดทั้งหมด รั้งอยู่ที่ 12 ของตาราง แข่ง 12 นัด มี 14 แต้ม

นั่นจึงทำให้แฟนๆ ชาวเดอะ ค็อป พร้อมทั้งเหล่าบรรดาเกจิลูกหนังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะล่าสุดมีรายงานเกิดขึ้นว่าทางบอร์ดบริหารของ คณะลิเวอร์พูล ได้วางแผนทาบทาม คล็อปป์ เข้ามาทำหน้าที่แทน ร็อดเจอร์ส หลังเจ้าตัวนั้นเคยออกมายอมรับว่าสนใจที่จะเข้ามาทำงานใน อังกฤษ

พร้อมทั้งที่ก่อนหน้านี้ กุนซือใหญ่ทัพ คณะเสือเหฟุ้งเฟื่องง ก็ได้เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องทำงานในแดนผู้ดีเอาไว้ว่า ผมคิดว่า อังกฤษ เป็นที่เดียวเท่านั้นที่ผมควรไปทำงาน ถัดจาก เยอรมัน ผมคิดว่า อังกฤษ นี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว ก็เพราะว่ามันเป็นประเทศเดียวที่ผมรู้จักภาษา ซึ่งการทำงานของผมมันจำเป็นต้องใช้ภาษาอย่างมาก พร้อมด้วยถ้าเกิดมีใครติดต่อผมมา มันก็น่าที่จักลองคุยดูนะ

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บอล: แฟนบอล ยานาไซ ไม่ควรมองนะ?

แฟนบอล ยานาไซ อย่าอ่านนะ?




เพื่อ 3 คะแนนสำคัญของ หมู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากการคว้าชัยเหนือกรุ๊ปรองบ่อนอย่าง เหล่าคริสตัล พาเลซ 1 - 0 ปางสุดสัปดาห์ที่ตัดผ่านมา คงจะไม่เกิดขึ้นแน่ๆ ถ้าอดีตดาวรุ่งที่ใครๆ ต่างก็พูดถึงขณะช่วงต้นซีซั่นที่แล้วนามว่า อัดนาน ยานาไซ โลดแล่นอยู่ในสนามครบ 90 นาที

ซึ่งในนัดนี้ได้รับเสียงด่าอย่างมากโข สำหรับการวิเคราะห์บอลฟอร์มการเล่นอันสุดแสนจักห่วยแตกของ อัดนาน ยานาไซ ในฤดูกาลนี้ ไม่ใช่หรือถ้าจักให้พูดครันๆ ก็น่าจักเป็นมาตั้งแต่ช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วละ ถ้าท่านผู้อ่านได้เคยติดตามงานเขียนของผมมาก่อน ก็คงจะทราบดีว่าผมนั้นเป็นแฟนบอล หมู่ปีศาจแดง แบบสุดลิ่มทิ่มประตูคนนึงเลยหละ ฉะนั้นการที่จะให้มาเขียนสกู๊ป ตำหนิติติงนักเตะหมู่โปรดของตัวเอง บางกลุ่มันก็ทำยากอยู่นะ แต่วันนี้มันถึงจุดแล้วแท้ ๆ




ภาพห่วยจนถูกหนังสือ Deviemag จับมาล้อ จาก Devilmag.com


พร้อมกับความนักแล้วผมต้องการจะเขียนถึงข่าวแมนยู ตัว ยานาไซ มาตั้งแต่ 2 - 3 เกมก่อนหน้านี้แล้วนะ แต่ก็คิดว่าอะ ลองให้โอกาสมันดูอีกสักหน่อยละกันวะ อีกอย่างตอนนั้นสาวกผู้คลั่งไคล้ในตัวของดาวเตะหน้าหล่อรายนี้ เหรอที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ติ่ง ก็ยังค่อนข้างเป็นกองอยู่ ฉะนั้นโอกาสที่ผมจักโดนติ่งเหล่านั้นรุมโทรมด้วยคำหยาบคายมีค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

ซึ่งผมจึงเเลื่องลือกที่จะเลี่ยงไปก่อน แต่ตราบกาลเวลาเปลี่ยน ติ่ง ทั้งหลายก็บุกเบิกได้เห็นธาตุแท้ของไอหนูขี้เก๊กรายนี้ ชัดขึ้นๆ เรื่อยๆ จากที่เคยหลง ก็เหลือเลื่องแค่รัก จากที่เคยรัก ก็เหเล่าลือแค่ชอบ จากที่เคยชอบ กลับกลายเป็นเฉยๆ จนทุกวันนี้บางคนเกลียดแล้วด้วยซ้ำ

เพราะเหตุนี้ วันนี้ผมขอพูดถึงจอมเลี้ยงร่างอ้อนแอ้นสักหน่อยเถอะ มันอดรนทนไม่ไหวแล้วแน่แท้ๆ เหตุด้วยฟอร์มการเล่นแบบฉายเดี่ยว กรูเก่งคนเดียว ไม่คิดจะส่งให้ใคร ยิงทิ้งยิงขว้าง ยึกๆ ยักๆ เล่นมากจังหวะ ทำลูกง่ายให้เป็นลูกยาก ลากถึงเส้นหลังแล้วไม่เปิด แต่เจือกล็อกกลับหลัง กับจบด้วยการยึกๆ ยักๆ และอีกหลากหลายร้อยสิ่งที่เขาทำให้เกมรุกของ พวกปีศาจแดง นั้นเพลาฤทธิ์เดชลงไป

และผมก็มั่นใจอีกว่า ไม่ใช่ผมคนเดียวที่เป็น ประชาชนทนไม่ไหว ที่ต้องขออกมาต่อต้านการส่ง ยานาไซ ลงเล่นเป็นตัวจริง เพราะว่าเท่าที่ตามอ่านความคิดเห็นของเหล่าบรรดาสาวก เหล่าอสูรแดง ในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะทั้ง

  1. ทาง เฟสบุ๊ก
  2. ทาง ทวิตเตอร์
  3. ทาง อินสตราแกรม 
  4. ทาง กระทู้ตามเว็บบอร์ดต่างๆ 


ซึ่งแฟนผีร้อยละ 80 ต่างก็ออกมาด่า ยานาไซ ซะเละเทะไม่มีชิ้นดี




ภาพจาก Devilmag ขอขอบคุณภาพจาก Devilmag.com

ซึงสำหรับติ่งของ ยานาไซ บางท่านอาจจักอ้างว่า โหยย ก็คนไทยมันขึ้นชื่อเรื่อง เกรียนคีย์บอร์ด อยู่แล้วนี่หว่า มันก็ต้องด่ากันอยู่แล้ว ผมจักเตือนว่าที่อังกฤษเอง เขาก็คิดกันอย่างนี้ครับ ขนาดสาวกอสูรวัยขบเผาะนามว่า ชาร์ลี ยังต่อว่าปีกจอมยึกยักรายนี้เลยครับ ถ้าไม่เชื่อ ผมมีคลิปมาให้ดู



จักรู้สึกอายเด็กมันบ้างไหมนะ

ซึ่งเจ้าหนูน้อยชาร์ลีผู้น่ารักได้ให้สัมภาษณ์ถึงชัยชนะที่ กลุ่มปีศาจแดง นั้นมีเหนือ กรุ๊ปปราสาทเรือนแก้วผลบอล 1 - 0 ว่า 3 คะแนนในวันนี้สำคัญต่อคณะอย่างมาก แต่เกมของเรายังค่อนข้างช้าอยู่ เพราะเฉพาะ ยานาไซ เขาเล่นบอลได้ช้ามาก ทำเกมเสียจังหวะตลอด เขาคือจุดอ่อนของฝ่าย กับก่อนที่ ชาร์ลี จักไปวิพากษ์วิจารณ์ อังเคล ดิ มาเรีย และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ต่อ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นของเราแล้วหละ 5555

ก็ได้เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว ผมก็นึกได้คุ้นๆ เหมือนกับว่า ผมเคยเขียนเรื่องราวของเขามาแล้วทีนึง ตอนช่วงต้นฤดูกาล กาลเวลาที่เพิ่งจักได้รับเสื้อหมายเลข 11 เลยลองกลับไปขุดหาดู ปรากฏว่า เห้ย จริงๆๆ ด้วยตอนนั้นผมเขียนไว้ ว่าด้วยเรื่องของ ชื่อชั้นที่ยังไม่สมควรจะมาใส่เบอร์ 11 ต่อจาก แข้งระดับตำนานอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ เพราะมันจะทำให้เด็กหนุ่มวัยแค่ 19 ปี ต้องแบกรับความกดดันไว้มหาศาลนั่นเอง พร้อมทั้งดูเหมือนว่าคราวนี้ สิ่งที่ผมคิดไว้ในตอนนั้นมันจะถูกต้องเสียด้วย

กับนอกจากนี้ในบทความนั้น มีใจความท่อนนึงผมเขียนไว้ว่า ผมรู้สึกว่า ยานาไซ ไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่กลับถูกมองว่าเก่ง พร้อมด้วยให้มูลค่าจนเกินตัวไปเยอะแยะมาก สิ่งที่ผมจะพูดถัดจากอาจทำร้ายจิตใจแฟนผี แต่โปรดยอมรับเถอะครับว่า ราฮีม สเตอร์ริ่ง ปีกกึ่งกองหน้าของ กรุ๊ปหงส์แดง ลิเวอร์พูล คู่กัดตลอดกาลของ ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกดันขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่พร้อมๆ กับ ยานาไซ มีการพัฒนาที่มากกว่า กับดูดีมีอนาคตกว่ามาก

ซึ่งถ้าต่างว่าใครจักประภาษว่าผมอคติกับดาวรุ่งขวัญใจแฟนผีรายนี้ ผมก็คงต้องขอน้อมรับไว้ แต่ผมคิดว่าฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวก็น่าจักตอบโจทย์ทุกอย่างได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเล่นมากจังหวะ การหวงบอล การยิงโดยไม่หวังผล ซึ่งแม้ ยานาไซ ไม่ยอมปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเอง อนาคตคงก้าวต่อจากนั้นลำยากแน่ๆ

ถ้าจะนับจากวันนั้น จนถึงวันนี้ ในเกมพรีเมียร์ลีก ทะลวงไปแล้วอีก 10 นัด ความคิดของผมที่มีต่อ ยานาไซ ก็ยังคงเดิม แถมขอยอมรับตรงๆ ด้วยเลยว่า ริเริ่มจักมีความเกลียดเข้ามาเจือปนแล้วด้วยซ้ำ





ภาพเกมแรกในกลุ่มชุดใหญ่ อย่างไม่เป็นทางการ ของ ยานาไซ ก็คือการมาโชว์ความพริ้วที่แดนสยามนี่เอง

ซึ่งถ้าถ้าหาก ลองย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว สมัยที่ยังไม่มีใครรู้จักมากนัก เจ้าตัวได้รับโอกาสให้ลงเล่นในช่วง พรี - ซีซั่น ด้วยกันก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว รวมถึงได้ลงเล่นในการมาทัวร์เมืองไทยด้วย เกมนั้นเล่นดีมากๆ ส่วนเกมที่ได้ลงประเดิมสนามในพวกชุดใหญ่อย่างเป็นทางการเลยก็คือการลงมาเป็นตัวสำรองแทนที่ของ แอชลี่ย์ ยัง ในนาทีที่ 68 เกมนั้นพลพรรค เหล่าเร้ด เดวิลส์ ได้เอาชนะ กรุ๊ปคริสตัล พาเลซ ไปได้ 2-0 พร้อมกับเจ้าตัวก็ยังทำผลงานได้ไม่เลว

กับภายหลังนั้น เกมที่ถือว่าเป็นการแจ้งเกิดให้ ยานาไซ อย่างเต็มตัวก็มาถึง ตราบเขาถูก เดวิด มอยส์ ส่งลงเป็นตัวสุทธิครั้งแรกในเกมที่พบกับ กรุ๊ปซันเดอร์แลนด์ โดยเจ้าตัวเหมาคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ต้นสังกัดสร้างปาฏิหาริย์พลิกนรกจากที่ตามหลังอยู่ 1 - 0 กลับมาชนะได้ 2 - 1 พร้อมทั้งหลังจากเกมนั้นเองผู้คนทั้งหลายต่างพากันสรรเสริญเขา สื่อหลายสำนักรุมสัมภาษณ์ สโมสรยักษ์ใหญ่โหมโรงตามจีบ พร้อมด้วยหลายคนอาจมองว่าเป็นเกมแจ้งเกิด แต่ด้วยผมมันคือจุดที่ทำให้วัยรุ่นคนนี้ สมาธิแตกกระเจิงเสียมากกว่า เพราะเฉพาะอย่างยิ่ง เขาไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของกุนซือจอมเฮี้ยบอย่างโค้ช เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เสียด้วย




คลิปเกมแจ้งเกิดของตัว ยานาไซ

ซึ่งไม่กี่วันถัดมาโปรแกรมบอล ภายหลังเกมดังกล่าวด้านบน ฝ่ายปีศาจแดง ก็จัดการมอบสาบานฉบับใหม่ระยะยาวถึง 5 ปี พร้อมค่าจ้างสูงถึง 60,000 ปอนด์หรือว่าประมาณการ 3 ล้านบาท ต่ออาทิตย์ พร้อมเงินกินเปล่าค่าเซ็นข้อผูกพันที่เด็กอายุ 18 ปีจะได้เอาไปใช้ฟรีๆ อีก 5 ล้านปอนด์เหรอคะเน 250 ล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีวัยกะเตาะเพียงชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว

พร้อมกับผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับว่า มีใครได้สังเกตุเหมือนผมเหรอไม่ว่า ตั้งแต่ อัดนาน สะบัดน้ำหมึกพร้อมรับค่าจ้างมหาศาล เจ้าตัวก็เปลี่ยนไป ทั้งการแต่งตัว การวางตัว รวมถึงฟอร์มการเล่นในสนามบอล


พูดแบบไม่อ้อมเลยก็คือ ขี้เก๊ก ขี้แอ็ค ขี้เลี้ยง กว่าเดิมมากมากๆ เลย ด้วยกันอย่างที่เล่าละครับ พอมาในฤดูกาลนี้ เขาได้สวมเบอร์ 11 อีกด้วย ผมคิดว่าทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าตัวเองยิ่งมีความสำคัญกับพวก บวกกับแรงกดดัน ฟอร์มมันถึงออกมาได้ห่วยแตกแบบสุดลิ่มทิ่มประตูแบบนี้นี่ละครับ แถวบ้านผมเขาเรียกอาการแบบนี้ว่า ทองลอก ครับ ความหมายก็คือคนที่ดี นานวันไปก็กลับกลายเป็นคนเลว อะไรหมายนั้น แต่ในกรณีนี้ ผมไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่า มันเคยมี ทอง อยู่ในตัวเจ้าเด็กนี่มาก่อนหรือเปล่าด้วยซ้ำ




ภาพเซ็นปฏิญาณยิ้มแป้น รับทรัพย์พร้อมทั้งเงินก้อนโต

ซึ่งอีกประเด็นนึงที่กระหายจักเขียนถึงแต่ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวยาวก็คือ มีหลายคน บอกให้ทราบว่า ให้ดู โรนัลโด้ ตอนมาใหม่ๆ สิ มันก็ขี้เลี้ยงอย่างนี้แหละ เดี๋ยวสักวัน ยานาไซ ก็อาจจักเป็นถึงระดับโด้ได้บ้าง โอ้ยยย นักครับที่ตอนนั้น เจ็ทโด้ มันขี้เลี้ยง แต่ขอโทษ ทรงมันดีกว่านี้ด้วยซ้ำ ทำไมไม่ลองไปเทียบพวกขี้เลี้ยงแบบ นานี่ เบเบ้ ดูบ้างละครับ?

พร้อมด้วยผมขอพูดตรงนี้เลยว่าตัวของ ยานาไซ ไม่มีทางเหมือน โรนัลโด้ แค่ใกล้เคียงยังไม่มีวันเลยด้วยซ้ำ ผมรับประกัน

สิ่งสุดท้ายนี้ แม้ว่า ยานาไซ จักเป็นคนที่ผมชอบน้อยที่สุด ในฝ่าย ณ เวลานี้ แต่ในฐานะที่ผมคือสาวก คณะปีศาจแดง ฉะนั้นตราบใดที่แข้งวัยกะเตาะรายนี้ยังคงอยู่ในทีม เราก็คือสายเร่ำลือดเดียวกัน ผมก็ขอเอาใจช่วยให้ปีกเหล่าชาติเบลเยี่ยม ก้าวข้ามความกดดันในการสวมเสื้อเบอร์ 11 ต่อจากตำนาน ปีกขนดก ไปให้ได้

ด้วยกันรวมถึงต้องพยายามปรับเปลี่ยนทัศนคติในการเล่น กับเร่งพัฒนาฝีเท้าให้ดีขึ้นกว่าเดิมในตารางพรีเมียร์ลีกด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือ หลุยส์ ฟาน กัล ช่วยอย่าส่งมันลงตัวยิ่งบ่อยนักได้มั้ยวะ จับมันดองข้างสนาม พร้อมๆ กับลูกรักของคุณอย่าง ฟาน เพอร์ซี่ ด้วยก็จักดีมาก

ชิน ชินพัฒน์

เขียนเพราะว่า : Giggsmanu11

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข่าวฟุตบอลการสู้รบพรีเมียร์ลีกด้วยกันโปรแกรมบอลพรุ่งนี้

จับปลาหลายมือ?





ทางด้านฟุตบอลในโซนยุโรป หลักๆ ก็มี 3 รายการด้วยว่ากรุ๊ปใหญ่ ก็คือ

  1. ศึกบอลลีก
  2. ศึกบอลถ้วย
  3. ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก


แต่ก็มีบางประเทศอย่าง 1.ฝรั่งเศส พร้อมด้วย 2.อังกฤษ ที่มี 4 รายการ บุกเบิกซีซั่นมาได้ 3 เดือนแรก 4 บิ๊กโฟร์ อย่าง


  • กลุ่มอาร์เซน่อล
  • กรุ๊ปเชลซี
  • ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 
  • กรุ๊ปลิเวอร์พูล 


ซึ่งก็ไม่ค่อยจักทำผลงานดีสักเท่าไหร่นักในทุกๆ รายการ เว้นก็แต่ พวกเชลซี ไว้หนึ่งเหล่า

กับเพราะว่าเฉพาะในเวทียุโรป ที่ทั้ง ทีมเรือใบ พร้อมด้วย ฝ่ายหงส์แดง แชมป์กับรองแชมป์ลีกครั้นเมื่อฤดูกาลที่ทะลุทะลวงมา ต่างทำให้แฟนบอลพันธุ์แท้ของทั้ง 2 ฝ่ายนั้นกำลังปวดกระเพาะอาหารอยู่ ตามที่สถานการณ์รอบแบ่งกลุ่มไม่สู้ดีนัก




ริเริ่มกันที่เหล่าลิเวอร์พูลภายหลังได้ลอดเข้ามาเล่นชปล ในปีนี้ ก็พลอยทำให้ผลงานทั้งในลีกกับบอลถ้วยตกลงไปพอๆ กัน

พร้อมทั้งด้วยเหตุว่าในปีนี้ ทางศึกพรีเมียร์ลีก ได้แบ่งมาให้ฟรีทีวีดูด้วย ก็เลยมีบางสัปดาห์ผมได้ดูฟอร์มพวกจากอังกฤษ ซึ่งก็ทำนูลเลยว่า ป้อแป้ สุดฤทธิ์ ถามว่าพวกเขามีศักยภาพที่จักชนะทุกๆ ฝ่ายในกลุ่มตัวเองหรือไม่ก็ไม่ แน่นอนว่า 100 เปอร์เซนต์คือมีแน่ๆ ด้วยว่าโอกาสที่จะชนะ

แต่ว่าคำถามตรงหน้าคือ พวกเขาพร้อมเหรอไม่ กับการเก็บ 3 คะแนนใน 6 เกมของรอบแบ่งกลุ่ม พูดได้เลยว่าไม่พร้อมอย่างแรง

กับอันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวที่ผมเชื่อว่าหลายๆ คนก็คิดเหมือนกัน ซึ่งผมได้นั่งคิดนอนคิดเกี่ยวกับผลงานในแชมเปี้ยนส์ ลีก ของทีมจากอังกฤษ ซึ่งปัญหามันน่าจะริเริ่มมาจากจุดๆ เดียวกัน

ซึ่งนั่นก็คือโปรแกรมบอลเตะที่เกริ่นไปในข้างต้น ซึ่งผมมองว่านี่เป็นปัญหาหลัก ที่ทำให้เหล่าจากอังกฤษ ไปได้ไม่ถึงฝัน ด้วยการที่พวกเขามีรายการให้เล่นมากกว่าประเทศอื่นหนึ่งรายการ บวกกับยุคเวลานี้ที่ไม่มีการทิ้งถ้วยไหนๆ เหมือนเป็นเทรนด์ใหม่ ที่ขนาด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการคณะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้เคยพลีชีพด้วยการส่งเยาวชนลงทั้งกรุ๊ปเพื่อทิ้งบอลถ้วยจนชาวบ้านชาวช่องด่ามาแล้ว ถึงขั้นบ้าจี้ทำตามอยู่หลายปี ด้วยการเอาสุทธิในบอลถ้วยตามกระแสของ พวกแมนฯ ซิตี้ พร้อมกับ ทีมเชลซี ที่มีขนาดกลุ่มใหญ่ เป็นได้เปลี่ยนผู้เล่นทั้งชุดก็ยังดูเป็นชุดใหญ่ได้มาแล้ว

ก็เหนื่อยสิครับงานนี้ ด้วยกันสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นไม่ได้ดีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรายการไหนๆ จนทำให้คณะเกือบพัง แฟนบอลในไทยเกือบปิดเฟซบุ๊คกันแทบไม่ทัน

สังเกตไหมครับว่าศึก แคปิตอล วัน คัพ Big4 แดนผู้ดีเล่นเอาแน่นอนเหมือนกัน แม้จักมีหมุนเอาสำรองลงบางตำแหน่ง กับมีถึง 2 คณะที่เข้าถึงรอบ 8 พวกสุดท้าย

ซึ่งผมนั้นก็ขอยกตัวอย่างสโมสร หมู่ลิเวอร์พูล ที่กุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ประกาศซื้อตัวเพื่อเอาไว้สับเปลี่ยนผู้เล่น ยามลงแข่งในฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เจ้ากรรมดันโชคไม่ค่อยดี จับสลากมาอยู่กับ พวกเรอัล มาดริด แชมป์เก่า แถมมีคณะสุดอันตรายพร้อมทั้งประมาทไม่ได้อย่าง บาเซิ่ล อยู่ด้วย ทำให้งานมันดูยากขึ้นเหมือนกัน

เพราะว่าที่หลายๆ ฝ่ายอาจจักมองว่าพวกเขา โชคไม่ดีที่ต้องไปอยู่กับเหล่าที่เหนือกว่าทั้ง กลุ่มเรอัล มาดริด แชมป์ปีที่แล้ว พร้อมกับแชมป์ 10 กาลสมัย แต่ถ้าเจาะรายละเอียดลึกๆ แล้วพวกเขาไม่ได้แพ้แล้วเล่นดีนี่สิ

พร้อมด้วยผลบอล 0 - 3 ในถิ่น แอนฟิลด์ ก็ทำให้ใครๆ ก็ต่างโจมตีว่ามาตรฐานระหว่าง กรุ๊ปเรอัล มาดริด กับ เหล่าลิเวอร์พูล มันต่างกันมาก

ซึ่งมันก็ยิ่งอยู่ที่ว่า พวกราชันชุดขาว มีแนวรุกระดับโหดถึงขั้นทำเด็กร้องไห้ได้ แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเป็น คณะหงส์แดง ครั้นเมื่อฤดูกาลที่ลอดมา ช่วงที่พวกเขาชนะติดต่อกัน 11 นัด เอาฟอร์มแบบนั้นมาเตะเกมดังกล่าว คณะเรอัล มาดริด อาจจ๋อยกลับบ้านก็ได้



สู้ได้ดีกว่านัดแรก แม้จักพ่ายชุดขาวไป 0 - 1

ซึ่งมันก็ไม่เชี่ยวชาญเป็นแบบนั้นได้ รวมถึงผลงานรายการอื่นของ คณะลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้ดีเสียด้วยสิ มันเลยทำให้พ่ายพังพาบอย่างที่เห็นผลบอล 0-3 ทั้งๆ ที่มองกันว่า 11 ผู้เล่นตัวแท้จริงเกมดังกล่าว ถือว่าเป็นชุดที่ดีที่สุดของฝ่ายเลยก็ว่าได้ จักขาดก็แต่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เท่านั้น

พร้อมกับบางคนแย้มยังดีที่มันยังไม่ใช่เกมชี้เป็นชี้ตาย ถึง คณะหงส์แดง จำนนเกมนี้ ก็ยังมีอีก 3 นัดให้แก้ตัว แต่เจ้ากรรมจุดเปลี่ยนมันมาตั้งแต่นัดที่บุกไปพ่าย หมู่บาเซิ่ล 0 - 1 แล้วล่ะ เพราะว่าแน่นอนว่าตามหน้าเสื่อ พวกเขาต้องลุ้นกับยอดฝ่ายจากสวิส เพื่อแย่งตั๋วรอบน็อคเอาต์อีกใบ

แต่ว่าสถานการณ์ คราวนี้มันยิ่งลำบางขึ้นอีกขั้น โชคดีที่ กลุ่มบาเซิ่ล ดันปราชัย ลูโดโกเร็ตส์ ในเกมที่ 3 ทำให้พวกเขามีแต้มเท่ากันที่ 3 คะแนน ยังได้ลุ้นยาวๆ ใน 3 เกมสุดท้าย แต่การที่จักต้องไปเยือน ถิ่นซานติอาโก เบร์นาเบว เกม 4 คิดในแง่ร้ายไว้ก่อนว่าพวกเขาจะไม่ได้แต้มกลับไป พร้อมด้วย ทีมบาเซิ่ล จะชนะ เหล่าลูโดโกเร็ตส์ ได้ไม่ยาก

ซึ่งนั่นมันก็เป็นแบบนั้นยิ่งๆ ที่พวกเขาแพ้ กลุ่มเรอัล มาดริด 0-1 พร้อมด้วย ทีมบาเซิ่ล อัดไป 4-0 นำพวกเขา 3 แต้ม เหเอิกเกริกอีก 2 นัด


พร้อมทั้งในอาทิตย์นี้ พวกเขานั้นต้องไปเจอกับ เหล่า เชลซี อีก นั้นทำให้ ตัวบีร็อด ต้องพักตัวหลักมันซะเลย


ด้วยกันนี่ก็กลายเป็นว่า ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก กลายเป็นถ้วยเล็กๆไปแล้วสินะ แล้วหันไปเอาเป็นแน่แท้ในลีกกับ แคปิตอล วัน คัพ ใช่ป่ะครับ??

อย่าทำเป็นเล่นนะครับ ในคณะสำรองที่มี

  1. โคโล่ ตูเร่
  2. ลูคัส
  3. โจ อัลเลน
  4. เอ็มเร่ ชาน
  5. อดัม ลัลลาน่า
  6. ลาซาร์ มาร์โควิช 
  7. ฟาบิโอ บอรินี่ 


แต่ว่ากลับแพ้ ทีมชุดขาว พ่าง 0 - 1 !!!!

ซึ่งวิเคราะห์บอลเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเลยครับ ตัวผมมั่นใจว่า ก็เพราะว่ารูปเกมพูดได้เลยว่า สู้ไม่ได้ ชัดเจน แต่มองในแง่ดีคือการได้กองหลังที่ยังดูไว้ใจได้อย่าง ตูเร่ ผู้พี่ คอยแก้ขัดเวลาเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ หมายถึงเอาลงเล่นบอลถ้วย อีกคนที่ต้องซูฮกพร้อมกับเชี่ยวชาญหักหน้านักวิจารณ์หลายๆ คนได้ คือฟอร์มของ ซิมง มิโญเล่ต์ ด้วยการที่เพื่อนร่วมทัพหน้าเขา 10 คนปั้นให้ขนาดนี้ ต่อจากนั้นความมั่นใจคงมาเต็มเปี่ยม




เกมในนัดนี้พี่เจิดเป็นได้แค่ผู้ชมข้างสนามเท่านั้น


ด้วยกันนอกจากนี้ ตัวของบีร็อด ยังสติแตกถึงขั้นดรอป เจอร์ราร์ด ไว้ข้างสนาม ทั้งๆ ที่เจ้าตัวประกาศอำลากรุ๊ปชาติเพื่อจะมาเล่น ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก แม้สถิติเฉลี่ยออกมาจะดูเหมือนว่าฝ่ายไม่มี กัปตันเจิด จักดูผลงานดีกว่าตอนมีอยู่ก็เถอะ มันก็เป็นตรรกะบางอย่างเท่านั้น แต่รูปเกมในสนามสิสำคัญ มี เจิด ก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว ถูกมั๊ย แฟนหงส์

แล้วคำถามภายหลังนี้คือ

  • ประการแรก กรุ๊ปลิเวอร์พูล เหตุการณ์จักเป็นอย่างไรถัดไป. 
  • ประการที่สอง ซึ่งการที่ไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ คนเดียว ทำให้กรุ๊ปเปลี่ยนได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ. 
  • ประการที่สาม การที่เอานักเตะตัวหลักที่ฟอร์มไม่ดีไปพัก จะได้ผลในเกมกับ พวกเชลซี หรือไม่. 
  • ประการที่สี่ ในเกมนัดชี้ชะตากับ คณะบาเซิ่ล ในนัดสุดท้ายผลจักออกมาเป็นอย่างไร. 
  • ประการที่ห้า กลุ่มลิเวอร์พูล นั้นจะเข้ารอบ 16 พวกสุดท้ายไม่ก็ไม่. 
  • ประการที่หก แล้วแชมป์ลีกล่ะ. 
  • ประการที่เจ็ด กรุ๊ปนั้นจะยังรอบรู้เบียดขึ้นไปลุ้นได้อยู่ใช่ไหมเปล่า.
  • ประการที่สุดท้าย พร้อมด้วยใครที่จักเข้ามาอุดรอยที่ ซัวเรซ ได้. 


ซึ่งคำถามตามมาอื้อซ่ามากๆ

ในทุกสิ่งทุกอย่างจะได้คำตอบในไฮไลท์ฟุตบอลเร็ววันนี้ครับ สมมุติพวกเขายังจับปลาหลายๆ มืออยู่ เน้นทุกถ้วย ไม่ว่าจัก

  • ศึกเกมลีก
  • ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก
  • ศึกแคปิตอล วัน คัพ 
  • ศึกเอฟเอ คัพ 

ซึ่งกำลังจะเตะปีหน้า นั่นจะทำให้พวกเขาพังแน่นอน เพราะว่าหลายๆ ฝ่ายก็พังมาแล้ว จักมาหวังให้เป็นเหมือน ทีมปีศาจแดง ในปี 99 มันก็คนละยุคยุคกัน ฟุตบอลยุคนี้ทำแบบนั้นได้ยากแล้ว แต่ถ้าพวกเขาเเลื่องกที่จะทิ้งอะไรสักอย่างไป อาจจักทำให้บางอย่างที่เขาถืออยู่ ได้ของที่ล้ำค่ามาก็เป็นได้

เพราะว่าจะต้องมาพบเกมกับ ฝ่ายเชลซี วันเสาร์นี้ น่าจะทำให้เห็นอะไรได้หลายอย่างแล้ว เกี่ยวกับแนวทางรองลงไปของ ร็อดเจอร์ส

พร้อมทั้งท้ายนี้ ส่วนตัวผมยังเชื่อว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ ยังใช้ประโยชน์ได้อยู่ครับ พี่แกเป็นนักเตะชั้นต้องโอ๋ อย่าไปจวกไปสับเขา แล้วเดี๋ยวจักเล่นดีเอง

พร้อมกับเหตุผลของการดรอป เจอร์ราร์ด มองในแง่ดี อาจจะทำให้เจ้าตัวแผลงฤทธิ์ในเกมวันเสาร์ กู้หน้าจากที่เคยลื่นทำถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก หลุดมือครั้งปีที่แล้วก็เป็นได้

ซึ่งสมมติจักมาปิดโอกาสการประสบความสำเร็จของ กรุ๊ปลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ ต้องบอกเลยว่าอย่าเพิ่งนะครับ ก็เพราะว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นกรุ๊ปที่อันตราย แม้ช่วงนี้จักขาลง แต่ลงก็ต้องมีขึ้น อยู่ที่ว่าเขาจักเลือก ปลดด้วยกันจับอะไร แต่ถ้าจับไว้หมดล่ะก็

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ผลบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ปืนใหญ่ครองแชมป์ค่าตั๋วแพงที่สุดข้างในลีก

พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ปืนใหญ่ครองชมค่าตั๋วแพงที่สุดในลีก




ขายตั๋วหรือไม่ขายอะไรกันเนี่ย? ล่าสุดทางสำนักข่าว BBC ได้ออกมาเปิดปากผลสำรวจมูลค่าตั๋วเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลของแต่ละกลุ่มในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ โดยมูลค่าตั๋วที่แพงที่สุดในครั้งนี้เป็นของทางด้านหมู่ อาร์เซน่อล เพราะค่าจักอยู่ที่ประมาณการ 5,335 บาท ด้วยกันตั๋วที่ถูกสุดเป็นของฝ่าย นิวคาสเซิ่ล เพราะราคาตั๋วจะอยู่ที่คาดคะเน 825 บาท

ซึ่งค่าของตั๋วที่จักเข้าชมศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในนัดต่างๆ นั้น พวกที่ครองอันดับมูลค่าตั๋วที่แพงที่สุดก็คือกลุ่ม อาร์เซน่อล กับเป็นราคาที่เรียกได้ว่า แพงที่สุดใน 20 หมู่ของลีก โดยข้อมูลนี้ทางสำนักข่าว BBC ได้ทำการสำรวจข้อมูลสถิติราคาของตั๋ว ซึ่งผลที่ได้ออกมาคือหมู่ปืนใหญ่ อาร์เซน่อลนั้นมีการจำหน่ายมูลค่าบัตรเข้าชมฟุตบอล มูลค่าที่สูงที่สุดอยู่ที่ ใบละ 97 ปอนด์ หรือว่าคร่าวๆเป็นงินไทยอยู่ที่ ใบละ 5,335 บาทเลยทีเดียว

และจากการที่ทาง BBC ได้ออกมาตีแผ่ข้อมูลล่าสุดนี้ ทำให้พบข้อมูลในอดีตว่าคณะที่ยังมีอันดับการจำหน่ายตั๋วแพงที่สุดก็ยังคงเป็นทีม อาร์เซน่อล เช่นเดิม ถึงแม้ว่าจะมีการลดราคามาแล้วจากฤดูกาลก่อนหน้านี้ที่ได้จำหน่ายในสนนราคา 126 ปอนด์ ไม่ใช่หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 6,930 บาท ทั้งยังครองอันดับตั๋วเข้าชมรายปีแพงที่สุด ซึ่งมีค่าอยู่ที่ 2,013 ปอนด์ ไม่ก็คิดเป็นเงินไทยประมาณ 110,000 บาท ส่วนราคาที่ถูกที่สุดนั้นอยู่ที่ 1,014 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 55,770 บาท

กลับกันในขณะที่ สโมสรที่มีค่าตั๋วในแต่ละเกมส์ที่ถูกที่สุดนั้นเป็นของกรุ๊ป นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งได้จำหน่ายในมูลค่าที่ถูกที่สุด อยู่ที่ใบละ 15 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยหมาย 825 บาท ส่วนทางด้านของแชมป์เก่าในฤดูกาลที่แล้วอย่างคณะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรียกได้ว่าเป็นหมู่ที่จำหน่ายตั๋วรายปีถูกที่สุด ค่าอยู่ที่ 229 ปอนด์ หรือไม่คิดเป็นเงินไทยคะเน 12,595 บาท

อันดับรายการ 5 หมู่แรกของศึกพรีเมียร์ลีก ที่มีค่าตั๋วแพงที่สุด

  1. อาร์เซน่อล อยู่ที่ใบละ 97 ปอนด์ ไม่ใช่หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 5,335 บาท
  2. เชลซี อยู่ที่ใบละ 87 ปอนด์ หรือไม่คิดเป็นเงินไทยกะ 4,785 บาท
  3. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อยู่ที่ใบละ 81 ปอนด์ เหรอคิดเป็นเงินไทยประมาณการ 4,455 บาท
  4. เวสต์แฮม ยูไนเต็ด อยู่ที่ใบละ 75 ปอนด์ ใช่ไหมคิดเป็นเงินไทยเกือบๆ 4,125 บาท
  5. ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส อยู่ที่ใบละ 70 ปอนด์ หรือไม่คิดเป็นเงินไทยคาดคะเน 3,850 บาท

เห็นค่าตั๋วแบบนี้แล้วแฟนบอลชาวไทยอย่างเราๆ คงจะคิดว่า ไปดูที่ลานเบียร์ดีกว่ามั้ง ประหยัดตังไปได้หลายบาทเลยทีเดียว แต่ถ้าถ้าใครที่ตะโกรงได้รับความมันส์แบบติดขอบสนามก็คงต้องขอชี้แจงว่า โชคดีเดินทางปลอดภัย ซื้อของมาฝากด้วยนะครับ ฮ่าๆๆ เพราะด้วยวันนี้ก็ต้องขอลาไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ
ติดตามข่าวฟุตบอล วิเคราะห์ผลบอล ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก ตารางบอล พรีเมียร์ลีก ผลบอล เพิ่มเติมได้ที่นี่

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ผลบอล: มาเพ่งพิศที่สุดข้าวของเครื่องใช้ศึกพรีเมียร์ลีก 7 นัดแต่เดิมกันดีกว่า

วิเคราะห์บอลพรุ่งนี้ ที่สุดของที่สุดในช่วงเปิดมู่ลี่ออกสตาร์ต




ในเกมส์ฟุตบอลสุดอาทิตย์นี้บรรยากาศของพรีเมียร์ลีกจะกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ ภายหลังที่ได้พักยาวมาถึงสองอาทิตย์เพื่อหลีกทางให้โปรแกรมบอลคณะชาติ เพราะว่าแต่ละคณะจะต้องลงมาห้ำหั่นกันอีกครั้ง เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ พอลอดพ้นอีก 31 นัดต่อจากนี้

พร้อมด้วยเพื่อการขับเคี่ยวกันในช่วงออกสตาร์ตของฤดูกาลกาลนี้ก็ได้ทะลุทะลวงไปแล้ว 7 นัดแรก ซึ่งก็พอจะทำให้มองเห็นภาพได้คร่าวๆ ว่าหน้าตาของฤดูกาลนี้น่าจักออกมาเป็นยังไงบ้าง พร้อมทั้งหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนได้หยิบประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเป็นที่สุดๆ จากช่วงเริ่มทำต้นฤดูกาลนี้มาให้ดูกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง





1.นักเตะที่เด่นที่สุด: ดิเอโก้ คอสต้า


เพราะการเสริมทัพของเชลซีในซัมเมอร์นี้ดูจักลงล็อกไปหมด ทั้ง 1.ติโบต์ กูร์กตัวส์, 2.เชส ฟาเบรกาส พร้อมกับ 3.ดิเอโก้ คอสต้า ที่ต่างก็ยักย้ายถ่ายเทมาพร้อมกับโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น พร้อมทั้งเป็นกำลังสำคัญในการพาสิงโตสีครามทะยานขึ้นจ่าฝูงแบบนำโด่ง

ซึ่งตัวของคอสต้าคือคนที่เข้ามาอุดช่องโหว่ หรือไม่ก็เข้ามาแก้ปัญหาที่เคยเจอจากฤดูกาลก่อน ให้กับทีมของ โจเซ่ มูรินโญ่ ได้อย่างแท้เป็นแน่แท้ ด้วยการทำประตูได้อย่างต่อเนื่องด้วยกันเป็นกอบเป็นกำถึง 9 ลูก เข้าไปแล้วเฉพาะในลีก และผลงานของเขาก็โดดเด่นเกินหน้าเกินตาดาวเตะทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่คนไหนๆ จนถึงปัจจุบันนี้





2.เป็นเกมที่หักมุมที่สุด :  หมู่เลสเตอร์ 5-3 ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


ซึ่งภายหลังชนะนัดแรกในฤดูกาลได้ในเกมที่ 4 ด้วยการเปิดบ้านไล่ทุบ เหล่าควีนส์ปาร์ค 4-0 กลุ่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ทำท่าเหมือนจักเรียกความมั่นใจกลับมาได้

กับเท่าที่ยกพลไปเยือนอีกหนึ่งน้องใหม่อย่าง เหล่าเลสเตอร์ในเกมถัดไป คณะปิศาจแดงที่คับคั่งด้วยซูเปอร์สตาร์ทั้งเก่าพร้อมด้วยใหม่ ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างจี๊ดจ๊าด ด้วยกันขึ้นนำผลบอล 2-0 อย่างรวดเร็ว ก่อนขยับหนีไปเป็น 3-1 อีกก่อนที่ทุกอย่างจักพลิกผัน ครั้นเมื่อเสียจุดโทษแบบโชคร้ายโดนไล่มา พร้อมด้วยโดนตีเสมออีกอย่างรวดเร็ว

โดยภายหลังนั้นทุกอย่างก็ปั่นป่วนไปหมดด้วยว่าผีแดง ก่อนจักโดนแซงขึ้นนำ 4-3 พร้อมทั้งเหระบือผู้เล่น 10 คน ในช่วงท้ายเกมจนโดนประตูที่ 5 ปิดท้าย นับเป็นครั้งแรกในรอบ 853 นัดที่ พวกแมนฯ ยูไนเต็ดลงเตะพรีเมียร์ลีกมา ที่ วางธุระให้การขึ้นนำ 2 ประตู กลับมาเป็นความพ่ายพ่ายได้





3.เป็นพวกที่สร้างเซอร์ไพรส์ที่สุด: กรุ๊ปเซาธ์แฮมป์ตัน


ฝ่ายเซาธ์แฮมป์ตันได้เสียดาวดังของทีมไปเป็นกระบิในช่วงซัมเมอร์ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้จัดการฝ่าย และทำท่าว่าจะได้รับผลกระทบเต็มๆ

เพราะภายหลังที่ โรนัลด์ คูมัน ได้นำกรุ๊ปออกสตาร์ตนัดแรกด้วยความพ่ายจำนน ด้วยกันในนัดต่อมาก็ทำได้แค่เสมอ

แต่เมื่อได้นักเตะใหม่อย่างกราเซียโน่ เปลเล่ เปิดผนังที่จักติดเครื่องได้ในการเข้ามาแทนที่ ริคกี้ แลมเบิร์ต ขณะที่ ดูซาน ทาดิช ก็ได้เข้ามารับหน้าที่สร้างสรรค์เกมแทน อดัม ลัลลาน่า ที่จากไป คณะนักบุญก็บุกเบิกต้นโชว์ฟอร์มได้อย่างไหลลื่นเหมือนเดิม ไม่ก็อาจจักมากกว่าเดิม จนทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของตารางแล้ว หลังชนะติดต่อกันถึง 4 นัด ก่อนจักเพิ่งจำนนอีกครั้งในเกมล่าสุด





4.เป็นหมู่ที่เดี้ยงอื้อซ่าที่สุด: กรุ๊ปอาร์เซนอล


ซึ่งทางด้านของ แชด ฟอร์ไซธ์ สตาฟฟ์โค้ชด้านฟิตเนสของเยอรมัน อำลาฝ่ายแชมป์โลกมาร่วมงานกับกลุ่มอาร์เซนอลในซัมเมอร์นี้

พร้อมด้วยกลับกลายเป็นว่าคณะปืนใหญ่ยังถูกรุมเร้าด้วยปัญต่างว่าารบาดเจ็บของนักเตะมากหลายเหมือนเดิม ไม่ก็อาจจักก่ายกองกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ซึ่งตราบดาวดังหลายคนเดี้ยงกันตั้งแต่ต้นซีซั่น จนต้องพักยาวบ้างสั้นบ้างมาเกือบครบตัวหลักๆ แล้ว ด้วยกันอาจจะมีส่วนทำให้ผลงานของเหล่าไม่เปรี้ยงอย่างที่คาดหวังไว้ พร้อมด้วยยังอยู่ปางอันดับ 8 ของตารางเท่านั้น จากการชนะแค่ 2 จาก 7 นัดแรก





5.เป็นซีนที่ดราม่าที่สุด: ทันทีที่แฟรงค์ แลมพาร์ด ยิงประตูกรุ๊ปเชลซี


พวกเชลซีชนะถึง 6 จาก 7 นัดแรกในฤดูกาลนี้ เพราะว่าเกมเดียวที่เสมอคือนัดที่ไปเยือน หมู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้

นัดนี้คณะสิงห์ครามเกือบจะเอาชนะ กลุ่มแชมป์เก่าได้อยู่แล้ว แต่ก็ถูกปิดประตูโอกาสนั้นโดย แฟรงค์ แลมพาร์ด นักเตะที่เคยสร้างสถิติไว้กับพวกมากมาย ก่อนจักถูก ให้เป็นอิสระตัวออกไปในซัมเมอร์นี้

เพราะว่ามิดฟิลด์วัย 36 ปี ได้ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองให้ กรุ๊ปเรือใบสีฟ้า ซึ่งยืมตัวเขามาจาก หมู่นิวยอร์ก ซิตี้ ต้นสังกัดใหม่ในเมเจอร์ลีก ด้วยกันได้ยิงประตูตีเสมอกรุ๊ปเก่าของตัวเองได้ก่อนหมดเวลา 5 นาที พร้อมทั้งเป็นไปตามธรรมเนียที่เจ้าตัวจะไม่แสดงความดีใจออกมา

เพราะท่านอาจติดตามชม ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก ไฮไลท์ฟุตบอล เพิ่มเติมได้เลย


ที่มา: http://footballclubpza.blogspot.com/

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ฟุตบอล: วิพากษ์งานวิเคราะห์ผลบอลแบบสิ่ง รอย คีน

วิพากษ์วิจารณ์สไตล์ รอย คีน





ด้วยหน้าข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์อังกฤษ ในช่วงต้นอาทิตย์ที่ตัดผ่านมา ก็คงไม่มีประเด็นไหนชิงพื้นที่สื่อได้มากเท่ากับเนื้อหาในหนังสืออัตชีวพระประวัติเล่มที่สองในชีวิตของ รอย คีน อดีตกัปตันฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกนำออกมาเปิดเผยแพร่ให้ได้ชิมลางกันเป็นน้ำจิ้ม ก่อนที่หนังสือที่ชื่อว่า The Second Half ของเขาจักวางขายอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้

ตัวของรอยคีน 43 ปี โดยที่ในปัจจุบันนั้นมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยโค้ชของเหล่าชาติไอร์แลนด์พร้อมด้วย ทีมแอสตัน วิลล่า ขึ้นชื่อในเรื่องของความเป็น คนโผงผาง พร้อมทั้ง อารมณ์ร้อน มาแต่ไหนแต่ไร จนทำให้เขาต้องแยกทางกับปิศาจแดงแบบจบไม่สวยในปี 2005 หลังจากที่ได้ย้ายถิ่นมาร่วมฝ่ายตั้งแต่ปี 1993 พร้อมด้วยเป็นกำลังสำคัญของกลุ่มมาตลอด รวมถึงได้สวมปลอกแขนกัปตันกรุ๊ปต่อจาก เอริก คันโตน่า ด้วย

ด้วยว่าเนื้อหาเด็ด ๆ ในหนังสือฉบับนี้ของคีนคงหนีไม่พ้นการแฉวิเคราะห์บอลด้วยกันดับเครื่องชนทั้งอดีตกุนซืออย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พร้อมกับ อดีตเพื่อนรวมฝ่าย พร้อมทั้งนี่คือส่วนหนึ่งของเนื้อหาแสบๆ คันๆ ที่มาจากมุมมองกับความเห็นของคีโน่


รอย กล่าวถึง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน




ถ้าหากเขาทำดีด้วย ผมจะคิดทันทีว่า นี่ต้องเป็นเรื่องของผลประโยชน์แน่ ซึ่งเขากระหายความสำเร็จพร้อมกับไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร การไม่อ่อนโยนกับใครคือจุดเด่นของเขา กรุ๊ปแมนฯ ยูไนเต็ดเป็นสโมสรที่ใหญ่กว่ากรุ๊ปน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์มาก แต่ความเย็นชาของเขาก็ทำให้เขาประสบความสำเร็จ ในฐานะผู้จัดการฝ่ายแล้ว ผมต้องประสงค์เอาความอ่อนโยนของไบรอัน คลัฟกับความเฉียบขาดของเฟอร์กูสันมาผสมกัน แต่แน่นอนว่าต้องใส่ตัวตนของผมลงไปด้วยนะ



รอย กล่าวถึง กรุ๊ปคลาสออฟ 92



เพราะด้วยพวกฟุตบอลชุดคลาสออฟ 92 นั้นเป็นนักเตะที่ดี แต่บทบาทของพวกเขาที่มีต่อสโมสรถูกยกยอจนเกินเป็นแน่แท้ไปหน่อย เพราะคลาสออฟ 92 ดูเหมือนจักมีชื่อเสียงเฉพาะตัว กลายเป็นเหมือนยี่ห้อสินค้า เหมือนกับเป็นอีกกลุ่มหนึ่งในเหล่าของเรา กับพวกเขาก็เหมือนจักชอบซะด้วย แต่เราทั้งหมดต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน เราทั้งหมดต่างก็มีความกระหายเหมือนกัน





รอย กล่าวถึง พอล สโคลส์




ด้านของสโคลซี่เป็นสุดยอดนักเตะแท้จริงๆ แต่ผมไม่ค่อยปลื้มกับภาพลักษณ์ความเป็นคนที่แสนจะติดดินของเขาเท่าไหร่นัก เขามีด้านอื่นๆ อีกบานตะไท แต่ทุกคนดูเหมือนจักคิดว่าเขายังอยู่แฟลตของรัฐบาลอยู่เลยมั้ง


รอย กล่าวถึง ปีเตอร์ ชไมเคิล




ตัวผมเองเคยมีเรื่องกับ ปีเตอร์ ตอนที่ได้ออกทัวร์ปรีซีซั่นครั้นปี 1998 คิดว่าน่าจะเป็นที่ประเทศฮ่องกงนะ ความเมาก็มีส่วนแหละ เขาบอกกล่าวว่า ฉันเริ่มทำเบื่อนายเต็มทีแล้ว เราต้องมาเคลียร์กันซักหน่อย

ผมก็เลยเอิ้นว่า ได้เลย แล้วเราก็ซัดกันนัว ผมตื่นมาวันรุ่งขึ้นแล้วจำอะไรไม่ค่อยได้มากนัก รู้แต่ว่ามือผมช้ำแล้วนิ้วก็ซ้น

ตอนนั้นเจ้านายด่าเราเละ ตอนที่อยู่บนรถบัส แล้วก็มีคนพูดเรื่องที่ผมกับปีเตอร์ทะเลาะกันที่โรงแรมให้ฟัง ตอนนั้นนิคกี้ บัตต์ย้ำเตือนผมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ปีเตอร์คว้าคอผมแล้วผมก็เฮดบัตต์เขา ภายหลังนั้นเราก็ชุลมุนกันอยู่นาน



รอย กล่าวเรื่องการไม่ตรวจ ยาโด๊ปของ ริโอ เฟอร์ดินานด์




ซึ่งเขาเองนั้นก็ได้รับผลเสียจากเรื่องนี้กับฝ่ายก็เช่นกัน ถ้าผมเป็นเขา และหมอรับสั่งว่าผมต้องไปตรวจโด๊ป ผมก็คงจักไปตรวจ มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เราจักลืมกันได้ง่ายๆ

ด้วยกันมันไม่ใช่การไปรับจดหมายที่ไปรษณีย์ หรือไม่ก็ลืมเอารองเท้ามา

ซึ่งในตอนที่หมอบอกว่าคุณต้องไปตรวจโด๊ปนะ มันไม่ใช่เรื่องที่ทำกันอยู่ทุกวัน แต่ก็ยังมีบางคนขี้ลืมได้อย่างเหเลื่องลือเชื่อ

ตัวผมไม่ได้มองว่าริโอมีเหตุผลอะไรซ่อนเร้นนะ ผมคิดว่าเขาลืมแน่นอนๆ ด้วยกันเราก็ต้องชดใช้ เขาเป็นนักเตะที่เก่งมากคนหนึ่งและเราก็ขาดเขาไป เพราะว่าเฉพาะในครึ่งหลังของฤดูกาลตอนที่การขับเคี่ยวเป็นไปอย่างเข้มข้น



รอย กล่าวถึง คริสติอาโน่ โรนัลโด้




ในนัดที่เราไปเตะกับสปอร์ติ้ง ลิสบอนเพื่อฉลองเปิดสนามศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกใหม่ของพวกเขา ผมได้เห็นว่าโรนัลโด้เล่นได้แจ๋วแค่ไหนในวันนั้น เขาต้องดวลกับจอห์น โอเชีย พร้อมกับทำเอาเชียซี่แทบต้องขอยาแก้ปวดหัวกินในช่วงพักครึ่ง เพราะว่าตาลายกับลีลาการสับขาหลอกของเขา

ภายหลังที่สโมสรบรรลุข้อตกลงซื้อขายเขาเลยหลังเกมนั้น เรายังอำกันอยู่เรื่อยๆ ว่าครันๆ แล้วเชียซี่คือคนที่ทำให้ดีลนี้เกิดขึ้น ด้วยการเล่นได้ห่วยแตกมากในเกมนั้น

ส่วนตัวผมชอบโรนัลโด้ตั้งแต่แรกเลย เขามีความมุ่งมั่นพร้อมด้วยทัศนคติที่ดี พอได้เห็นเขาซ้อมแค่ไม่กี่วัน ผมคิดเลยว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกในอนาคตแน่

พร้อมกับเขาเพิ่งจักอายุแค่ 17 ปีแต่กลายเป็นนักเตะที่ขยันซ้อมที่สุดคนหนึ่งในเหล่าทันที เขารูปหล่อพร้อมด้วยเขาก็รู้ตัวด้วย พอมองดูนักเตะคนอื่นๆ ในกระจก ผมคิดว่าพวกแกนี่หุ่นไม่ได้เรื่องเลย แต่โรนัลโด้ดูใสซื่อด้วยกันดูดีแน่ๆๆ




รอย กล่าวเรื่อง การขัดแย้งกับตัว คาร์ลอส คีรอซ





ซึ่งผมได้ตรัสเขาว่า อย่าสะเออะ มาพูดกับผมเรื่องความจงรักภักดีนะคาร์ลอส พอไม่กี่ปีก่อนคุณเพิ่งทิ้งคณะนี้เพื่อไปดูแลเรอัล มาดริดภายหลังอยู่ได้แค่ 12 เดือน อย่าบังอาจมาสงสัยเรื่องความจงรักภักดีของผม ผมเคยมีโอกาสจักได้เปลี่ยนที่ไปยูเวนตุสด้วยกันบาเยิร์น มิวนิคมาแล้ว




รอย กล่าวถึง จุดแตกหักกับ ฝ่ายแมนฯ ยูไนเต็ด





ตัวผมนั้นเพิ่งรู้มาไม่กี่วันก่อนว่าสโมสรพยายามจะเขี่ยผมทิ้ง ผมอื้นกับเฟอร์กูสันว่า ผมจักขอไปเล่นให้กรุ๊ปอื่นได้มั้ย? ซึ่งเขาก็พูดว่า ได้เลย เพราะเราจักฉีกอนุสัญญานายทิ้งอยู่แล้ว ผมเลยคิดว่า ได้เลย ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง

ในตอนนั้น ผมรู้ว่าหลายพวกนั้นจักติดต่อมาแน่ถ้าข่าวนี้ออกไป ผมเลยรายงานไปว่า งั้นผมคิดว่าเราคงต้องจบกันแค่นี้แล้วล่ะ ตอนนั้นผมแค่คิดว่าไอ้พวกงี่เง่าเอ๊ย แล้วผมก็ยืนขึ้นพร้อมด้วยพูดว่า โอเค งั้นผมไม่อยู่ต่อ




เป็นได้ติดตามชม ไฮไลท์ฟุตบอล ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกล่าสุด ผลบอล ได้ที่ http://footballclubpza.blogspot.com/


วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ผลบอล: ข้อความย่อยเหน็บระหว่างกลุ่ม แมนยู vs ลิเวอร์พูล

วิเคราะห์ผลบอล : คงจักมีแค่แฟนบอล 2 หมู่นี้แหล่ะมั้ง



ด้วยฝ่ายชั้นนำของยุโรปของศึก 5 ลีกใหญ่ หลาย ๆ ลีกถูกมองว่ามีแทบ 2 คณะเท่านั้นที่มีโอกาสคว้าแชมป์ เปรียบเทียบได้ว่าเป็น “ม้าสองตัว” ที่วิ่งฮ่อควบแข่งกันเข้าสู่เส้นชัยในตอนท้ายฤดูกาล

พร้อมด้วยถ้าพูดกันชัดๆ ก็เห็นจักเป็น ลา ลีกา สเปน ที่มีแต่ปาง คณะบาร์เซโลน่า พร้อมกับ ฝ่ายเรอัล มาดริด แต่บางลีกมีหลายฝ่ายสู้กันเพื่อแย่งแชมป์ แต่ก็มีแฟนบางกลุ่มที่เห็นว่ามันแข่งกันแค่ 2 คณะ

แต่พูดถึงลีกที่เล่นกันแค่สองเหล่าที่ชัดที่สุด คงหนีไม่พ้นศึก ลา ลีกา ของสเปน ที่ใครๆ ก็รู้ว่ามีเหมือนแค่สองขั้วอำนาจมานานหลายปี ระหว่าง เหล่าบาร์เซโลน่า แห่งแคว้นกาตาลัน และ ฝ่ายเรอัล มาดริด แห่งนครหลวงมาดริด ที่ต่อสู้กันมาหลายต่อหลายฤดูกาล

ซึ่งอาจจักมีสอดแทรกขึ้นมาบ้างอย่าง เหล่าแอตเลติโก มาดริด เหรอ ทีมบาเลนเซีย แต่ก็ไม่ยอมไม่ได้ว่าการขับเคี่ยวกันของสองยักษ์ใหญ่นี้ สร้างความสั่นสะเทือนได้ทั้งประเทศและยุโรปมาเพราะว่าตลอด



แม้ว่า 2 คณะนี้เกลียดกันยันเงา แต่ต่างก็เคารพในฝีมือฝั่งตรงข้าม


และก็ไม่ใช่แค่ ลา ลีกา แต่ใน บุนเดสลีกา เยอรมัน แม้ว่าจะมียักษ์ใหญ่เพียงแค่รายเดียวครองความยิ่งใหญ่นั่นคือ เหล่าบาเยิร์น มิวนิค มาหลายปี

แต่ว่าในช่วง 4 - 5 ปีหลังมานี้ กรุ๊ปโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กลับมาทวงคืนความสำเร็จที่เคยทำได้ ด้วยการเบียด “ทีมเสือใต้” ขึ้นคว้าแชมป์ 2 ซีซั่นติดต่อกันในฤดูกาล 2010-11 ด้วยกัน 2011-12

กับถึงแม้ว่าจักฟอร์มดร็อปไปในปีที่แล้วพร้อมด้วยปีนี้ แต่ก็ยังส่งอิทธิพลต่อการลุ้นแชมป์ ของ บาเยิร์น เพราะว่ามีทีมอย่าง เลเวอร์คูเซ่น หรือ ชาลเก้ 04 ขึ้นมาท้าทายบ้างในบางฤดูกาล



ซึ่งที่ต่อมาเพิ่งจักมาแรงเอาเมื่อซีซั่นที่แล้ว นั่นคือ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี แม้ยักษ์ใหญ่ที่เพิ่งกลับมาผงาดอีกครั้งอย่าง ยูเวนตุส จะต่อกรยากเหลือเลื่องเกิน

ไม่ว่าจักเป็นทั้งเรื่องความแข็งแกร่งของหมู่ ใช่ไหมผู้ตัดสินยามเล่นในบ้านก็ว่ากันไป แต่มีเหล่า อาแอส โรม่า ที่นำโดย ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ที่อาจหาญขึ้นมาต่อกรไม่อย่างไม่ย่อท้อ แม้จักยังทำได้แค่เป็นรอง แต่ก็ทำให้การไล่ล่าแชมป์ของ “กรุ๊ปไอ้ม้าลาย” ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกจากนั้น

ซึ่งแต่ในลีกยอดนิยมอย่าง ศึกพรีเมียร์ลีก ทีมจักแข่งกันเป็นแชมป์ไม่ได้มีแค่ 2 คณะเหมือนชาวบ้านเขา แต่ก่อนอาจเรียกว่า บิ๊กโฟร์ ที่ประกอบด้วย

  1. พวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  2. พวกอาร์เซน่อล
  3. ฝ่ายเชลซี 
  4. เหล่าลิเวอร์พูล 

ด้วยกันในช่วง 5 ปีหลัง มี หมู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นมาด้วย

อาจจักเรียกว่าแฟนบอลทุกกรุ๊ป ต่างสนุกสนานกับการลุ้นตำแหน่งแชมป์ประจำฤดูกาล ของแดนผู้ดีกันอย่างสนุกสนาน ในความหลากหลายด้วยกันไม่ตายตัวของการแข่งขันยอดนิยมที่มีฐานแฟนบอลแน่นที่สุดในทุกมุมโลกลีกนี้




ภาพตัวอย่างหลังจากแมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ใช่ไหมจบอาทิตย์มีอันดับสูงกว่าคู่แข่ง


แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ยังมีแฟนบอลบางกลุ่ม บางจำพวก ที่คิดว่า ศึกโปรแกรมพรีเมียร์ลีก นั้นเล่นกันพ่างแค่ 2 หมู่แค่ พวกแมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมทั้ง กรุ๊ปลิเวอร์พูล ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าครั้นเมื่ออาทิตย์ก่อนนู้นครับ บี้กันอยู่กลางตาราง กรุ๊ปไหนแข่งก่อนในสัปดาห์นั้นแล้วพ่ายเนี่ย เรียกว่าไม่ได้เงยหน้ามาหายใจจนกว่าอีกหมู่จักได้แข่ง

ซึ่งยิ่งถ้าอีกฝ่ายจำนนด้วยนะคุณเอ้ย แทบจะขุดหลุมฝังตัวเองอยู่ในบ้านไม่ออกมาเจอหน้าผู้คน เพราะว่าอะไร กลัวโดนล้อจ้า ถามว่าไปช่วยเขาลงเตะ ไม่ก็เป็นผู้ถือหุ้นของสโมสรไม่ใช่หรือเปล่า ก็ไม่ใช่ซะหน่อย!




ทั้งๆที่วันที่คณะไม่ได้ลงแข่งแท้ๆ แต่ก็ยังอดไม่ได้


พร้อมทั้งถ้าแม้ อาทิตย์ไหน มีฟุตบอล ยุโรป แฟน บอลกลุ่มเกรียนแตกของหมู่ “หงส์แดง” ก็จักถามเซ้าซี้อยู่นั่นแหละว่าหมู่ แมนฯ ยูฯ ไม่มีเกมกลางอาทิตย์เหรอ ไม่ได้ไป แชมเปี้ยนส์ ลีก เหรอ

ในตอนที่จับสลาก ได้อยู่โถไหนเหรอ ก็พูดกันไม่เลิก ไม่เคยเบื่อ คนอื่นที่เขาได้ยินต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเขาก็เอือม ไม่ได้ตลกเหมือนตอนที่เล่นกันแรกๆ แล้ว




กับนั่นก็เป็นที่แน่นอน วันใดที่หงส์ชนะ แฟนผีก็โดนเย้ยหยันเช่นกัน


ถ้าจะถามว่ามีแต่ “เกรียนหงส์” เหรอ ไม่หรอก “เกรียนผี” ก็ไม่น้อยหน้า ยิ่งสัปดาห์นี้ ตัวเองหนีขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ได้เนี่ย ล้อ กรุ๊ปลิเวอร์พูล เขาไม่หยุด ถามกันตลอดว่าอันดับเท่าไหร่เหรอ ไปบอลยุโรปเหนื่อยเหรอ กลางสัปดาห์ไม่ชนะเหรอ คณะอะไรอยู่อันดับ 4 คณะอะไรอยู่อันดับ 9 เหรอ




แล้วมันจะทำไมเหรอครับ ลีกมันจบแค่สัปดาห์นี้แล้วเหรอ การแข่งนัดหน้า พวกแมนฯ ยูฯ จะไม่แพ้ เหล่าลิเวอร์พูล จักไม่แพ้กันแล้วใช่ไหม เล่นกันไม่เลิกทั้งสองฝ่าย ไม่เคยสนใจเลยว่า คณะเชลซี นู่น เขาเป็นจ่าฝูงนู่น มีตั้ง 19 แต้ม

ซึ่งถ้าไปแข่งกันทำตามเป้าตัวเองที่วางไว้ต้นฤดูกาล ดีกว่ามานั่งหาความสนุกปากกันไปสัปดาห์ต่ออาทิตย์แบบนี้



ภาพอันนี้น่าจักโดนใจแฟนทีมอื่นครับ เป้าหมายชัดเจนมาก


ล้อกันเองไม่พอ แต่ยังดึงชาวบ้านชาวช่องเขาเข้าไปอยู่ในนี้ด้วย เล่นส่งข้อความมาถามผู้ดำเนินรายการลักษณะว่า “พี่ครับ แมนฯยูฯ อยู่ที่เท่าไหร่ แล้ว ลิเวอร์พูล อยู่ที่เท่าไหร่ครับ

ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ครับ เราเอือมที่จักตอบ แม้จักรู้ว่าท่านเสียเงินส่งมันมาก็ตาม ยิ่งไปหาดูตามหน้าเฟซบุ๊คต่างๆ ที่เกี่ยวกับฟุตบอลแล้วล่ะก็ แฟนขาเกรียนสองกลุ่มนี้ไม่ยิ่งหย่อนกว่าทีมไหนแน่นอน เก่งบนหน้าคอมพิวเตอร์เนี่ย ขอให้ทูล ไม่พ่ายแพ้ใครในใต้หล้าอยู่แล้ว




แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ปรารถนาจะเตือน ๆ กันไว้ เล่นสนุกกันหอมปากหอมคอก็พอ อย่าไปสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้ใครต่อใครเขาเลย

ซึ่งทีมใคร ใครก็รักครับ ล้อสนุกกันพอเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ต้องเอามาเป็นครันเป็นจังขนาดต้องวิวาทกัน ผลงานแย่ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า ผลงานดีก็ชื่นชม สู้ไปด้วยกัน จำนนวันนี้ วันหน้าก็แข่งใหม่ ฤดูกาลนี้แย่ ฤดูกาลหน้าก็เอาใหม่ เขายังไม่ยุบลีกในปีสองปีนี้แน่นอน

จงอย่าเพิ่มเรื่องปวดหัวให้สังคมปัจจุบันเลย อย่าเป็นแฟนบอลเกรียนๆ ที่จะทำให้แฟนบอลดีๆ เขาเป็นขี้ปากชาวบ้านไปด้วยเลย

พร้อมทั้งอย่าให้คนอื่นเขาด่าว่า แฟนบอล แมนฯ ยูฯ น่ะเหรอ แฟน ลิเวอร์พูล น่ะเหรอ ปากดีอย่างนั้น เกรียนอย่างนี้ หรือน่าหมั่นไส้ยังไงก็ตาม มันไม่น่าชื่นชมหรอกครับ


ที่มา : http://footballclubpza.blogspot.com/


วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557

รวมทั้งสิ้นข่าวฟุตบอลศึกตารางพรีเมียร์ลีกในรอบสัปดาห์ที่ลอดมา 29 ก.ย. - 5 ต.ค.

วิเคราะห์บอล : ขณะฟานกัลได้ชูเดเคอาหนึบได้ใจนัดโค่นทอฟฟี่




ภายหลังที่ ฟาน กัล ได้ซูฮก เด เคอา โคตรหนึบ เซฟลูกยากๆ หลายครั้งนัดเฉือนชนะกรุ๊ป ทอฟฟี่สีน้ำเงิน 2 - 1 พร้อมชมลูกกลุ่ม ฟัลเกา หลังเปิดซิงตุงแรกในสีเสื้อ ปีศาจแดง ได้สำเร็จ

เพราะที่หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกโรงยกย่อง ดาบิด เด เคอา นายทวารชาวสแปนิช หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเซฟลูกยิงอันตรายๆ ของคู่แข่งได้มากมายในเกมที่หมู่ ปีศาจแดง เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คว้าชัยเหนือ เอฟเวอร์ตัน 2-1 ครั้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ทะลวงมา 5 ตุลาคม

ทางด้านของ กุนซือใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์ว่า หมู่เอฟเวอร์ตัน มีโอกาสสับไกนอกกรอบเขตโทษหลายต่อหลายครั้ง พร้อมทั้งพวกเขาก็ทำมันได้ดีอีกด้วย แต่ ดาบิด เด เคอา นั่นก็โชว์เซฟได้อย่างยอดเยี่ยมแท้ๆ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยด้วยว่าเขา เพราะว่าว่ามันมีผู้เล่นมากมายหลายคนที่ยืนบังสายตาเขาอยู่ แต่เขาก็ทำมันได้ ผมประทับฟอร์มการเล่นของเขาครันๆ จนกระทั่งคุณเซฟจุดโทษได้ กับมาเซฟลูกยากๆ อีก 3 ครั้ง คุณนี่มันเยี่ยมนักๆ

ซึ่งพร้อมกันนี้ ทางด้าน ฟาน กัล ยังกล่าวชื่นชม ราดาเมล ฟัลเกา หลังประตูแรกในสีเสื้อหมู่ ปีศาจแดง ได้แล้วว่า เขาเกือบจะยิงได้ตั้งแต่นัดที่แล้วที่เจอกับพวก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จากนั้นผมก็รายงานเขาว่าผมประทับใจในฟอร์มการเล่นของเขามาก ๆ กับเดี๋ยวเรื่องการยิงประตูมันก็จักเข้ามาเอง และวันนี้มันก็มาแน่ๆๆ เขาจะทำผลงานได้ดีกว่านี้แน่นอนหลังจบพักเบรกฝ่ายชาติ


สิงห์ทุบปืนแตก 2 - 0 รั้งจ่าฝูงถัดจากนั้น




จนกระทั่งอาซาร์ ควงคู่ คอสต้า ทำคนละลูกพาหมู่ สิงห์บลูส์ เปิดบ้านไล่ทุบพวก ปืนใหญ่ สบายๆ 2-0 เก็บเพิ่มเป็น 19 แต้ม รั้งจ่าฝูงของลีกถัดอย่างเหนียวแน่น

พร้อมด้วยเพราะว่าการแข่งขัน ฟุตบอล ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในฤดูกาลที่ 2014-2015 ศึกลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ เจ้าบ้านคณะ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี เปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของเหล่า ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล

ภายหลังเปิดผนังไปได้ 10 นาที เกมก็ต้องหยุดไปชั่วคราว หลัง ธีโบต์ กูรก์ตัวส์ มีปัญหาบาดเจ็บ ในจังหวะที่ถูก อเล็กซิส ซานเชส วิ่งมากระแทกใส่เข้าที่ศีรษะ

นาทีที่ 20 แกรี่ เคฮิลล์ มารับใบเหเลื่องงไป หลังพุ่งเข้าไปเสียบใส่ อเล็กซิส แบบน่าเกลียดสองนาทีต่อมา คาลั่ม แชมเบอร์ส มาโดนไปบ้าง หลังวิ่งเข้าไปผลักใส่ เอแด็น อาซาร์ จากทางด้านหลัง

นาทีที่ 24 เชลซี ต้องถอด กูรก์ตัวส์ ออกไป หลังมีปัญต่างว่าระทบกระเทือนทีศีรษะในจังหวะที่ถูกชนใส่ก่อนหน้านี้ รวมทั้งมีเลือดออกที่หู ทำให้ต้องส่ง ปีเตอร์ เช็ก ลงมาเฝ้าเสาแทน

นาทีที่ 27 กลุ่มเชลซี มาได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่ โลร็องต์ กอสเชลนี่ ไปแหย่ขาดักใส่ เอแด็น อาซาร์ ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษพร้อมชักใบเหละบืองให้เจ้าตัวทันที พร้อมทั้งเป็น อาซาร์ ที่ลุกขึ้นมาสังหารเองด้วยการแปเรียดไปทางขวาของตัวเองเข้าไปแบบง่ายๆ เจ้าถิ่นขึ้นนำ 1-0

ซึ่งช่วงท้ายครึ่งแรกไม่มีจังหวะทำประตูเพิ่ม หมดเวลาเป็นทาง เชลซี นำไปก่อน 1-0

เกมส์เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังนาทีที่ 53 คราวนี้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช มาโดนเหเลื่องลืองไปบ้าง หลังเจตนาเข้าไปสอยใส่ ซานติ กาซอร์ล่า แบบไม่มียั้ง

นาทีที่ 63 กรุ๊ปอาร์เซน่อล พลาดโอกาสที่จะได้จุดโทษ จากจังหวะที่ แจ็ค วิลเชียร์ ซัดจากนอกเขตโทษไปติดโดนแขน เชส ฟาเบรกาส ที่ล้มตัวสไลด์ป้องกันเต็มๆ แต่ผู้ตัดสินก็ยังไม่เป่าให้ลูกโทษแต่อย่างใด ท่ามกลางการประท้วงของผู้เล่นกลุ่ม ปืนใหญ่

นาทีที่ 69 หมู่ปืนใหญ่ แก้เกมส่ง อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด - แชมเบอร์เลน ลงสนามแทน ซานติ กาซอร์ล่า ส่วน เชลซี ก็เปลี่ยนเช่นกัน ถอด อังเดร ชูร์เล่ ออกไป แล้วให้ จอห์น โอบี มิเกล ลงเล่นแทน

นาทีที่ 76 หมู่เชลซี เกือบได้ประตูเพิ่ม เมื่อ ดิเอโก้ คอสต้า ลากจากฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษ ก่อนไหลให้ อาซาร์ ที่เติมเข้ามาโล่งๆ จัดการซัดมุมแคบ แต่บอลก็โด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

ด้วยกันในที่สุด ฝ่ายสิงห์บลูส์ นั้นก็มาได้ประตูที่ต้องการสมใจในนาทีที่ 78 จากจังหวะที่ ฟาเบรกาส เปิดไกลจากกลางสนามให้ คอสต้า สปีดเข้าไปหาบอล ก่อนจะกระดกข้ามมือ วอยเชค เซสนี่ ที่ออกมาป้องกันเข้าไปแบบเหนือชั้น เชลซี นำเพิ่ม 2-0

และภายหลังที่เสียประตูเหล่าเยือนได้ถอด อเล็กซิส ซานเชส ที่เกมนี้ไม่ได้ช่วยคณะมากนักออกไป แล้วให้ ลูคัส โพดอลสกี้ ลงสนามแทน

นาทีที่ 83 พวกอาร์เซน่อล ถอด วิลเชียร์ ออกไป แล้วส่ง โทมัส โรซิคกี้ ลงมาช่วยเกมในแดนกลางแทน

นาทีที่ 87 พวกเจ้าถิ่นถอด ออสการ์ ออกไปพัก แล้วให้ วิลเลี่ยน เข้ามาช่วยเกมรุกของฝ่ายแทน

ช่วงท้ายเกมทั้งสองกรุ๊ปไม่มีใครทำประตูกันได้ ทำให้หมดเวลา ฝ่ายเชลซี เป็นฝ่ายเอาชนะ อาร์เซน่อล ได้สำเร็จ 2-0 ส่งผลให้กรุ๊ปยังคงรั้งอันดับหนึ่งของลีกรองลงไป เพราะมีเพิ่มเป็น 19 คะแนน ส่วน ทีมปืนใหญ่ ความพ่ายจำนนนัดนี้ทำให้กรุ๊ปมี 10 คะแนน เท่าเดิม พร้อมด้วยรั้งอยู่อันดับ 7 ของตารางต่อจากนั้น

มาดูระเบียนผู้เล่น ฝ่ายเชลซี ในระบบ 4-2-3-1 :
  1. ธีโบต์ กูรก์ตัวส์ (ปีเตอร์ เช็ก น.24)
  2. บรานิสลาฟ อิวาโนวิช
  3. แกรี่ เคฮิลล์
  4. จอห์น เทอร์รี่
  5. เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า
  6. เนมันย่า มาติช
  7. เชส ฟาเบรกาส
  8. อังเดร ชูร์เล่ (จอห์น โอบี มิเกล น.69)
  9. ออสการ์ (วิลเลี่ยน น.87)
  10. เอแด็น อาซาร์
  11. ดิเอโก้ คอสต้า


บัญชีชื่อผู้เล่นสำรอง
  1. เฟลิเป้ หลุยส์
  2. เคิร์ท ซูม่า
  3. โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์
  4. โลอิก เรมี่


มาดูทะเบียนผู้เล่น ทีมอาร์เซน่อล ในระบบ 4-2-3-1 :
  1. วอยเชค เซสนี่
  2. คาลั่ม แชมเบอร์ส
  3. แพร์ แมร์แตซัคเกอร์
  4. โลร็องต์ กอสเชลนี่
  5. คีแรน กิ๊บสส์
  6. มาติเยอ ฟลามินี่
  7. แจ็ค วิลสนับสนุน (โทมัส โรซิคกี้ น.83)
  8. อเล็กซิส ซานเชส (ลูคัส โพดอลสกี้ น.78)
  9. ซานติ กาซอร์ล่า (อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.69)
  10. เมซุต โอซิล
  11. แดนนี่ เวลเบ็ค


ระเบียนผู้เล่นสำรอง
  1. ดาเมี่ยน มาร์ติเนซ
  2. นาโช่ มอนเรอัล
  3. โจเอล แคมป์เบลล์
  4. ฟรองซิส โกโกแล็ง


กรรมการผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน

มาดูประมวลภาพฟุตบอลพรีเมียร์ลีกผลบอล กรุ๊ปเชลซี 2 - 0 เหล่าอาร์เซน่อล


























กลุ่มเรือใบพบช่องเล็งสอยรอยส์ในซัมเมอร์หน้า




คงจักได้มาอีก 1 เหรอไม่?  ครั้งกลุ่มแมนฯ ซิตี้ ได้ตกเป็นข่าว ล็อกเป้าสอย รอยส์ มาเสริมทัพช่วงซัมเมอร์หน้า หลังสบโอกาสที่นักเตะยังไม่ยอมต่อสาบานกับ ดอร์ทมุนด์ คาดมีค่าฉีกอนุสัญญาเพียง 20 ล้านปอนด์เท่านั้น

เพราะว่าหลังจากที่หมู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กรุ๊ปชั้นนำในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ตกเป็นข่าวกลายเป็นอีก 1 สโมสร ที่ให้ความสนใจคว้าตัว มาร์โก รอยส์ แนวรุกตัวเก่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยักษ์ใหญ่แห่งเวทีบุนเดสลีกา เยอรมัน มาเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์หน้า หลังสบช่องช่วงที่นักเตะรายนี้ยังไม่ยอมต่ออนุสัญญากับต้นสังกัด เพราะว่ามีรายงานว่ามิดฟิลด์ค่าย ทีมเสือเหระบือง จักมีค่าฉีกรับปากแค่ 20 ล้านปอนด์เหรอ 1,100 ล้านบาทเท่านั้น ตราบจบฤดูกาลนี้

หลังจากที่ดาวเตะเหล่าชาติเยอรมัน แสดงท่าทียังไม่ยอมเจรจาขยายรับปากฉบับใหม่กับ เสือเหฟุ้งเฟื่องง หลังเจ้าตัวได้แจ้งกับทางสโมสรว่าใคร่รอให้จบซีซั่นนี้ก่อน แต่กระนั้น เรือใบสีฟ้า ซึ่งให้ความสนใจตะโกรงได้ตัวมิดฟิลด์วัย 25 ปี มาเป็นเวลานาน จึงใช้จังหวะดังกล่าว เตรียมยื่นข้อเสนอเท่ากับค่าฉีกข้อสัญญาไปซื้อตัวนักเตะ ด้วยเหตุที่ช่วงซัมเมอร์หน้า รอยส์ จักมีค่าฉีกข้อผูกมัดแค่ 20 ล้านปอนด์เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม กลุ่มแมนฯ ซิตี้ ยังต้องเจอคู่แข่งสำคัญอีกหลายสโมสร ทั้ง 

  1. ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  2. หมู่ลิเวอร์พูล 
  3. กลุ่มอาร์เซน่อล 

ที่เป็นสามหมู่คู่แข่งร่วมลีก ที่แสดงความสนใจทะเยอทะยานได้ตัว รอยส์ ไปร่วมทัพด้วยเช่นเดียวกัน


มีข่าวเผยมาอีกว่า กรุ๊ปผีแดง เมินที่จะดึง โด้กลับ แต่หันเล็งกระชากเบลแทน




เท่าที่สื่อ เดลี่ สตาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อดังประเทศอังกฤษปูดข่าวสุดฮือฮาว่าเหล่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่แสดงให้เห็นว่ากล้าทุบเงินกองคลังด้วยการระเบิดงบราวๆสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร กับเกาะอังกฤษกับการทุ่มเงินซื้อ ด้วยกันกู้ยืมนักเตะในช่วงตลาดซื้อขายรอบแรกมากถึง 151 ล้านปอนด์หรือ 8,000 ล้านบาท ซึ่งกำลังกลับไปให้ความสนใจแกเร็ธ เบล ปีกจรวดตัวเก่งของรีล มาดริด หลังจบฤดูกาลนี้อีกครั้ง

ซึ่งสื่อดังกล่าวได้พูดวิเคราะห์บอลพรุ่งนี้ให้เป็นถึงสาเหตุที่ทำให้หมู่ ปีศาจแดง นั้นต้องหันมาเล็งซื้อเบลที่พวกเขาเคยพลาดลายเซ็นดาวเตะพวกชาติเวลส์รายนี้ครั้นช่วงกลางปี 2013 หลังตัวนักเตะตกลงใจขยับไปร่วมทัพ ฝ่ายราชันชุดขาว ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก 85 ล้านปอนด์ใช่ไหม 4.500 ล้านบาท

พร้อมทั้งตามที่ทางบอร์ดบริหาร ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด อาจไม่ปลงใจเสี่ยงทุ่มเงินค่าจ้าง ด้วยกันค่าจ้างกับโบนัสรวมกันถึง 200 ล้านปอนด์หรือไม่ 10,600 ล้านบาท ในการที่จะดึงคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพค้าแข้งกลับมาจาก พวกรีล มาดริด


ปากหวานจริ๊ง!! เท่าที่ดิมาเรียยกให้เดเคอาคู่ควรแมนออฟเดอะแมตช์




ทางด้านของ ดิ มาเรีย ได้ยกย่อง เด เคอา ให้คู่ควรรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ หลังเซฟอุตลุตพา กลุ่มผีแดง เปิดบ้านทิ่ม ทอฟฟี่สีน้ำเงิน 2-1 พร้อมยินดี ฟัลเกา เปิดซิงได้แล้ว

ภายหลังที่ อังเคล ดิ มาเรีย ปีกจรวดของ เหล่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหล่าชั้นนำแห่งศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวยกย่อง ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูชาวสเปนว่าเป็นผู้ที่สมควรได้รับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ อย่างแท้ยิ่ง ภายหลังที่โชว์ฟอร์มป้องกันประตูช่วยพวกไว้นับครั้งไม่ถ้วน

ซึ่งแถมยังได้เซฟลูกโทษทำให้พาทัพ ทีมปีศาจแดง เปิดบ้านเชือด ฝ่ายเอฟเวอร์ตัน 2-1 ขณะวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคมที่ทะลุทะลวงมา พร้อมกับแสดงความยินดีกับ ราดาเมล ฟัลเกา หัวหอกกลุ่มชาติโคลอมเบีย ที่เบิกประตูแรกในสีเสื้อของ เร้ด เดวิลส์ ได้แล้ว

เพราะว่าที่ ปีกพวกชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งได้รับเโจษจันกให้เป็น ผู้เล่นยอดเยี่ยมในเกมล่าสุดกล่าวยกย่องฟอร์มการเซฟประตูของ เด เคอา ว่า ผมคิดว่า ดาบิด คือผู้ที่สมควรได้รับคำยกย่องมากที่สุด เขาช่วยป้องกันประตูให้เราตลอดทั้งเกม เพราะเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายเกม รวมไปถึงป้องกันลูกโทษที่จุดโทษด้วย ไม่เพียงแต่เขาปางคนเดียว ผู้เล่นที่เหเอิกเกริกก็สมควรที่จะได้รับคำชื่นชมเช่นเดียวกัน

พร้อมกับนอกจากนี้ ดิ มาเรีย ยังกล่าวถึงการที่ ราดาเมล ฟัลเกา เปิดซิงยิงประตูแรกในสีเสื้อกรุ๊ป ปีศาจแดง ในเกมที่ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2 - 1 ว่า ใช่นั่นคือที่สำคัญเกี่ยวกับเขา เขากำลังมองหาประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ซึ่งมันสำคัญกับเขามาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่เราศักยเก็บ 3 คะแนนได้ ด้วยกันเราหวังว่าเราจะไต่อันดับขึ้นไปบนหัวตารางได้